Begin Experience Wrestling Official
Begin Experience Wrestling Official
Begin Experience Wrestling Official
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.



 
บ้านLatest imagesค้นหาสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)


 

 ประวัติ Randy Orton

Go down 
2 posters
ผู้ตั้งข้อความ
Pokawit
The Legend
The Legend
Pokawit


จำนวนข้อความ : 220
Join date : 13/04/2011
Age : 25
ที่อยู่ : 9/71 ม.4 ต.ท่าตลาด อ.สามพราน จ.นครปฐม

ประวัติ Randy Orton Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: ประวัติ Randy Orton   ประวัติ Randy Orton Icon_minitimeSun Apr 17, 2011 7:03 am

แรนดัล คีธ "แรนดี" ออร์ตัน (อังกฤษ: Randal Keith "Randy" Orton)[2][3] เกิดวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 1980 หรือเป็นที่รู้จักกันอย่างดีในนามสังเวียนมวยปล้ำที่มีชื่อว่า "แรนดี ออร์ตัน" (อังกฤษ: Randy Orton) เป็นนักมวยปล้ำอาชีพชาวอเมริกัน ปัจจุบันเซ็นสัญญาให้กับสมาคม เวิลด์เรสต์ลิงเอ็นเตอร์เทนเมนต์ หรือ (WWE) เป็นนักมวยปล้ำรุ่นที่ 3 ต่อจากปู่ บ๊อบ ออร์ตัน ซีเนียร์ และ "คาวบอย" บ๊อบ ออร์ตัน จูเนียร์ พ่อของเขานั่นเอง ซึ่ง 2 รุ่นก่อนหน้าก็ประสบความสำเร็จมามากมาย แรนดี ออร์ตัน เกิดที่ น็อกซ์วิล เทนเนสซี (ปัจจุบันอยู่ไฮริด มิสซูรี ซึ่งย้ายมาจาก เซนต์หลุยส์ มิสซูรี) แรนดี ออร์ตัน มีชื่อเสียงโด่งดังจากการคว้า แชมป์โลกที่อายุน้อยที่สุด[4] ของ WWE โดยการเอาชนะนักมวยปล้ำจอมเทคนิค อย่าง คริส เบนวา ด้วยอายุเพียง 24 ปี 4 เดือน 15 วัน ทำลายสถิติของ บร็อค เลสเนอร์ (อายุ 25 ปี) ไปได้ ในปี ค.ศ. 2004 และยังคงไม่มีใครทำลายสถิตินี้ได้จนถึงทุกวันนี้
ฉายา Randy Orton
Randy Keith Orton (RKO)
ความสูง 6 ฟุต 3 นิ้ว (190 เมตร)
น้ำหนัก 245 ปอนด์ (111 กก.)
เกิด 1 เมษายน ค.ศ. 1980 (อายุ 31 ปี)
น็อกซ์วิลล์ เทนเนสซี
พำนัก ไฮริด มิสซูรี
มาจาก เซนต์หลุยส์ มิสซูรี
ฝึกหัดโดย "คาวบอย" บ๊อบ ออร์ตัน จูเนียร์[1]
สมาคม Ohio Valley Wrestling
South Broadway Athletic Club Mid Missouri Wrestling Alliance
เปิดตัว 18 มีนาคม ค.ศ. 2000
ประวัติในวงการมวยปล้ำ

ปี 2001 แรนดี ออร์ตัน ได้ฝึกมวยปล้ำในสมาคม OVW และคว้าแชมป์ OVW Hardcore Champion 2 สมัย.[5] จากการเอาชนะ Mr.Black และ Flash Flanagan จนกระทั่ง ในปี 2002 แรนดี ออร์ตัน ได้มีโอกาสมาอยู่ WWE และเปิดตัวครั้งแรก ในศึก SmackDown วันที่ 25 เมษายน โดยการเจอกับ ฮาร์ดคอร์ ฮอลลี ซึ่งก็ได้การตอบรับจากคนดูได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ต่อมา ในเดือนกันยายน แรนดี ออร์ตัน ได้ถูกย้ายมาที่ RAW และได้เอาชนะ สตีเวน รีชาร์ด เป็นการเปิดตัวของเขาครั้งแรกใน RAW นอกจากนี้ แรนดี ออร์ตัน ยังได้ร่วมกลุ่มกับ เอฟโวลูชั่น ซึ่งมี ทริปเปิล เอช, ริก แฟลร์ และ บาติสต้า อยู่ด้วย หลังจากนั้น แรนดี ออร์ตัน ก็โด่งดังมากขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ จนกระทั่ง ในศึก Armageddon 2003 แรนดี ออร์ตัน ก็สามารถคว้า แชมป์อินเตอร์คอนติเนนทัล ด้วยการเอาชนะ ร็อบ แวน แดม และยังได้ปราบนักมวยปล้ำที่เป็นตำนานหลายคน อาทิ เช่น ฮาร์ลีย์ เลส, ชอว์น ไมเคิลส์, มิค โฟลีย์, จ่าสลอเตอร์ และอีกมากมาย จนไปถึงจุดสูงสุดของชีวิต คือ การคว้า แชมป์โลกเฮฟวี่เวท ที่อายุน้อยที่สุด [6]ในศึก Summerslam 2004 โดยการเอาชนะ คริส เบนวา ไปได้ ซึ่งชัยชนะครั้งนี้ของ แรนดี ออร์ตัน ทำให้ ทริปเปิล เอช หัวหน้ากลุ่ม เอฟโวลูชั่น เกิดความอิจฉา เพราะตนก็กำลังพยายามไล่ล่าเข็มขัดแชมป์เส้นนี้กลับมาหลังจากที่เสียไปให้กับ คริส เบนวา ในศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 20 แรนดี ออร์ตันจึงถูกหักหลังและต้องออกจากกลุ่ม เอฟโวลูชั่น และกลายเป็นฝ่ายธรรมะ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แต่ในศึก Unforgiven 2004 ทริปเปิล เอช สามารถกระชากแชมป์จาก แรนดี ออร์ตัน ไปได้ในที่สุด
[แก้]เวิลด์เรสต์ลิงเอ็นเตอร์เทนเมนต์ (2002 - ปัจจุบัน)
[แก้]ปี 2005
แรนดี ออร์ตัน ได้กลับมาเป็นฝ่ายอธรรมอีกครั้งนึงและในศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 21 แรนดี ออร์ตัน ได้ปะทะกับสุดยอดนักมวยปล้ำระดับตำนาน และ เจ้าของสถิติไม่แพ้ใครในศึก เรสเซิลเมเนีย อย่าง ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ และสุดท้าย ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ จัดการ แรนดี ออร์ตัน ด้วยท่า Tombstone Piledriver ทำให้ แรนดี ออร์ตัน ไม่สามารถทำลายสถิติไม่แพ้ใครในศึก เรสเซิลเมเนีย ของ ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ ลงได้ จากนั้น แรนดี ออร์ตัน ก็ลอบทำร้าย ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ ตลอดเวลา และท้าเจอกันในศึก Armageddon ในการปล้ำ Hell In A Cell แต่สุดท้าย ออร์ตัน ก็พ่ายแพ้ ดิ อันเดอร์เทคเกอร์ ไปในที่สุด


แรนดี ออร์ตัน กับ แชมป์โลกแทคทีม คู่กับ เอดจ์ ในนาม Rated-RKO
[แก้]ปี 2006
แรนดี ออร์ตัน ก็ยังคงโชว์ฝีมือได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการไล่ล่าตำนานคนต่อๆไปอย่าง ดิ อันเดอร์เทคเกอร์, ฮอง โฮแกน, รอดดี้ ไพเพอร์ และอาจารย์เก่าอย่าง ริก แฟลร์ ซึ่งออร์ตันก็สามารถเล่นงานได้หมดทุกคน และในศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 22 แรนดี ออร์ตัน ได้ปะทะกับ เคิร์ต แองเกิล และ เรย์ มิสเตริโอ ในแมตช์การปล้ำ 3 เส้า เพื่อชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวท สุดท้าย เรย์ มิสเตริโอ จัดการ แรนดี ออร์ตัน ด้วยท่า 619 ทำให้ แรนดี ออร์ตัน ไม่สามารถคว้า แชมป์โลกเฮฟวี่เวท คืนมาได้ ในปลายปี 2006 แรนดี ออร์ตัน ได้มีโอกาสจับคู่กับ เอดจ์ ในนาม Rated-RKO เปิดศึกกับกลุ่ม ดี-เจเรเนชั่น เอ็กซ์ (ทริปเปิล เอช กับ ชอว์น ไมเคิลส์) ซึ่งผลัดแพ้ผลัดชนะกันหลายรอบ จนจบด้วยการที่ ทริปเปิล เอช เจ็บเข่าต้องพักไป 7 เดือน นอกจากนี้ แรนดี ออร์ตัน ก็สามารถคว้า แชมป์โลกแทคทีม คู่กับ เอดจ์ จากการเอาชนะนักมวยปล้ำระดับตำนานอย่าง ริก แฟลร์ และ รอดดี้ ไพเพอร์ อีกด้วย[7] แต่ก็เสียแชมป์แทคทีมให้กับ จอห์น ซีนา และ ชอว์น ไมเคิลส์ หลังจากนั้นก็แตกทีมกันในที่สุด
[แก้]ปี 2007
ต่อมา แรนดี ออร์ตัน พยายามไล่ล่า แชมป์ WWE จาก จอห์น ซีนา ถึงขั้นไปทำร้ายพ่อของ จอห์น ซีนา ด้วย แต่ แรนดี ออร์ตัน ก็ไม่สามารถคว้าแชมป์มาได้ เพราะ จอห์น ซีนา ให้พ่อของเขามาเตะหัว แรนดี ออร์ตัน จนกระทั่ง จอห์น ซีนา เจ็บต้องพักการปล้ำไป จอห์น ซีนา จึงต้องสละแชมป์ให้กับ แรนดี ออร์ตัน ในศึก No Mercy 2007 ซึ่งคืนนั้น ทริปเปิล เอช ลูกพี่เก่าได้มาท้าชิงแชมป์กับเขา และก็ได้แชมป์ไป แต่ แรนดี ออร์ตัน ก็สามารถคว้าแชมป์กลับมาได้ในคืนเดียวกันในแมตช์ Last Man Standing ใครล้มลงนอนกับพื้นแล้วถูกกรรมการนับสิบจะเป็นฝ่ายแพ้ไป


แรนดี ออร์ตัน กับ แชมป์โลก WWE
[แก้]ปี 2008
ในศึก แบคแลช (2008) ทริปเปิล เอช ได้กลับมากระชากแชมป์จาก แรนดี ออร์ตัน ไปได้ในการปล้ำ Fatal-4-Way Elimination Match (4 เส้าแพ้คัดออกเหลือคนสุดท้ายเป็นผู้ชนะ) ต่อมาในศึก จัดจ์เมนท์เดย์ (2008) แรนดี ออร์ตัน ขอท้าชิง แชมป์โลก WWE กับ ทริปเปิล เอช ในการปล้ำกรงเหล็กแต่ แรนดี ออร์ตัน ก็ไม่สามารถคว้าแชมป์คืนมาได้ และเจอกันอีกครั้งในศึก วันไนท์สแตนด์ (2008) ในแมตซ์การปล้ำ Last Man Standing แต่ครั้งนี้ แรนดี ออร์ตัน พ่ายแพ้และทำให้ แรนดี ออร์ตัน ต้องพักการปล้ำไปหลายเดือนทีเดียว เมื่อ แรนดี ออร์ตัน กลับมาก็ได้ลอบทำร้ายนักมวยปล้ำทุกคนที่ขวางหน้า เช่น ซีเอ็ม พังค์, บาติสต้า และ ตระกูลแมคแมน เจ้าของ ธุรกิจ WWE อีกด้วย
[แก้]ปี 2009


เดอะเลกาซี: แรนดี ออร์ตัน (กลาง), เท็ด ดิบิอาซี่ (ขวา) และ โคดี้ โรดส์ (ซ้าย)
ในศึก รอยัลรัมเบิล (2009) แรนดี ออร์ตัน ได้เป็นผู้ชนะ รอยัลรัมเบิล ซึ่งมีสิทธิ์ในการชิงแชมป์โลก ในศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 25 ทริปเปิล เอช ซึ่งเป็นลูกเขยของตระกูลแมคแมนรอคอยการแก้แค้นให้พ่อตาจึงท้าให้ แรนดี ออร์ตัน ชิงแชมป์กับเขา ในศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 25 ผลสรุปคือ ทริปเปิล เอช ได้จัดการ แรนดี ออร์ตัน ด้วยค้อนปอนด์ และ ท่าไม้ตาย Pegdigree ทำให้ แรนดี ออร์ตัน พ่ายแพ้อย่างหมดรูปและไม่สามารถเอาแชมป์คืนมาได้ จนกระทั่ง ในศึก แบคแลช (2009) แรนดี ออร์ตัน มีโอกาสชิงแชมป์อีกครั้งในการปล้ำแทคทีม 6 คน โดย แรนดี ออร์ตัน จับคู่กับทีม เดอะเลกาซี (โคดี้ โรดส์ และ เท็ด ดิบิอาซี่) เจอกับ ทริปเปิล เอช, บาติสต้า และ เชน แมคแมน ผลปรากฏว่า แรนดี ออร์ตัน ได้เล่นงาน ทริปเปิล เอช ด้วยท่าไม้ตาย RKO และ พั้นซ์ คิก สามารถคว้าแชมป์ WWE กลับมาครองได้สำเร็จ หลังจากนั้น แรนดี ออร์ตัน ก็เสียแชมป์โลก WWE ให้กับ จอห์น ซีนา และก็โทษกลุ่ม เดอะเลกาซี (โคดี้ โรดส์ และ เท็ด ดิบิอาซี่) ที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาแพ้ต่อซีน่าถึง 3 ครั้ง
[แก้]ปี 2010


แรนดี ออร์ตัน ในปี 2010
ในศึก รอยัลรัมเบิล (2010) แรนดี ออร์ตัน ได้ขอท้าชิงแชมป์ WWE กับ เชมัส ผลสรุป คือ เชมัส ถูกลอบทำร้ายโดย โคดี้ โรดส์ ทำให้ แรนดี ออร์ตัน แพ้ฟาล์ว และ เชมัส ยังเป็นแชมป์ต่อไป ต่อมา แรนดี ออร์ตัน กับ กลุ่ม เดอะเลกาซี ก็แตกกลุ่มกันและเจอกัน ในศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 26 ในการปล้ำ 3 เส้า ผลสรุป คือ แรนดี ออร์ตัน ได้จัดการทั้ง โคดี้ โรดส์ และ เท็ด ดิบิอาซี่ เอาชนะไปได้สำเร็จและได้กลับมาเป็นฝ่ายธรรมะแล้ว และล่าสุด แรนดี ออร์ตัน ก็ถูก เอดจ์ มาลอบทำร้าย ในศึก รอว์ ต่อมา จนได้กลายมาเป็นคู่แค้นกันจนยาวนาน และได้ชิงแชมป์ WWE กับ เชมัส ในศึก ซัมเมอร์สแลม (2010) ผลสรุป คือ เชมัส ถูกจับแพ้ฟาล์ว ทำให้ เชมัส ยังเป็นแชมป์ต่อไป และในศึก ไนท์ออฟแชมเปียนส์ (2010) แรนดี ออร์ตัน ต้องเจอกับ เชมัส, จอห์น ซีนา, คริส เจอริโก้, เอดจ์ และ เวด บาร์เร็ตต์ ในแมตช์การปล้ำ 6 คน เพื่อชิงแชมป์ WWE และสามารถคว้า แชมป์ WWE มาได้สำเร็จ และในศึก เฮลล์อินเอเซลล์ (2010) แรนดี ออร์ตัน จะต้องป้องกันแชมป์ WWE อีกครั้งกับ เชมัส แต่ก็สามารถป้องกันแชมป์ WWE ไว้ได้ ต่อมา แรนดี ออร์ตัน ต้องป้องกัน แชมป์ WWE กับ เวด บาร์เร็ตต์ ในศึก เซอร์ไวเวอร์ ซีรีส์ (2010) โดยมี จอห์น ซีนา เป็นกรรมการพิเศษ ผลสรุป คือ แรนดี ออร์ตัน ได้เล่นงาน เวด บาร์เร็ตต์ ด้วยท่าไม้ตาย RKO ทำให้ แรนดี ออร์ตัน เป็นฝ่ายชนะและป้องกัน แชมป์ WWE ได้สำเร็จ แต่ในศึก Raw ต่อมา แรนดี ออร์ตัน ต้องป้องกันแชมป์ WWE กับ เวด บาร์เร็ตต์ อีกครั้ง โดยก่อนปล้ำ พวก The Nexus มาลอบทำร้าย แรนดี ออร์ตัน แต่ ออร์ตัน ก็ยังไหว และสามารถเอาชนะ เวด บาร์เร็ตต์ ไปได้อีกครั้งจากความช่วยเหลือของ จอห์น ซีนา และป้องกันแชมป์ WWE ได้สำเร็จอีกครั้ง แต่ว่าหลังจากจบแมตซ์ เดอะ มิซ ได้ขอใช้สิทธิ์กระเป๋า Money In The Bank และทำให้ แรนดี ออร์ตัน ต้องเสียแชมป์ WWE ให้กับ เดอะ มิซ ไปในที่สุด ในศึก TLC: Tables, Ladders & Chairs (2010) แรนดี ออร์ตัน ได้ขอท้าชิงแชมป์ WWE กับ เดอะ มิซ ในรูปแบบการปล้ำ Table Match แต่สุดท้าย แรนดี ออร์ตัน ก็พ่ายแพ้ให้กับ เดอะ มิซ ไปในที่สุด
[แก้]ปี 2011
ในศึก Raw แรนดี ออร์ตัน สามารถเอาชนะ เชมัส และ เวด บาร์เร็ตต์ ในแมตช์การปล้ำ 3 เส้า ทำให้ แรนดี ออร์ตัน ได้เป็นผู้ท้าชิงอันดับ 1 ในการชิงแชมป์ WWE กับ เดอะ มิซ ในศึก รอยัลรัมเบิล (2011) ในศึก Raw ต่อมา แรนดี ออร์ตัน ได้ถูก เดอะ มิซ และ อเล็กซ์ ไรลีย์ รุมทำร้าย จนได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่เป็นอะไรมาก และในศึก รอยัลรัมเบิล (2011) แรนดี ออร์ตัน ก็ไม่สามารถคว้าแชมป์ WWE คืนมาได้ เพราะกลุ่ม New Nexus ได้มาก่อกวนการปล้ำของ แรนดี ออร์ตัน ทำให้ แรนดี ออร์ตัน เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับ เดอะ มิซ ไปในที่สุด แต่ในคืนเดียวกัน แรนดี ออร์ตัน ได้เข้าร่วมในแมตช์การปล้ำ รอยัลรัมเบิล โดยออกมาเป็นคนที่ 39 แต่สุดท้าย แรนดี ออร์ตัน ก็ไม่ได้เป็นผู้ชนะ ต่อมาในศึก อิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ (2011) แรนดี ออร์ตัน จะต้องเจอกับ จอห์น ซีนา, จอห์น มอร์ริสัน, อาร์ ทรูต, เชมัส และ ซีเอ็ม พังค์ ในแมตช์การปล้ำ Elimination Chamber โดยถ้าใครชนะก็จะได้เป็นผู้ท้าชิงอันดับ 1 ในการชิง แชมป์ WWE ในศึก เรสเซิลเมเนีย สุดท้ายกลายเป็น จอห์น ซีนา ที่เป็นฝ่ายชนะ ต่อมา แรนดี ออร์ตัน ได้เปิดศึกกับ ซีเอ็ม พังค์ และท้าเจอกันในศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 27 และสุดท้าย แรนดี ออร์ตัน ก็เอาชนะไปได้สำเร็จ
[แก้]ท่าไม้ตายและท่าสำคัญต่างๆ



แรนดี ออร์ตัน ใช้ท่า RKO เล่นงาน เดอะ มิซ


แรนดี ออร์ตัน ใช้ท่า RKO เล่นงาน เคน
ท่า RKO (กระโดดหักคอ) เริ่มใช้เมื่อปี 2003 - ปัจจุบัน
ท่า Punt Kick (วิ่งเตะจุดโทษตรงกะโหลกคู่ต่อสู้) เริ่มใช้เมื่อปี 2007 - ปัจจุบัน
ท่า Diving Crossbody (กระโดดขวางลำตัว) เริ่มใช้เมื่อปี 2002
ท่า Inverted headlock backbreaker (จับหักคอจากด้านหลัง)
ท่า Standing Dropkick (กระโดดถีบด้วยขา 2 ข้าง)
ท่า O-Zone (ขาพาดก้านคอ แล้วหมุนไปข้างหน้า) ใช้เมื่อ 2002 - 2003
ท่า Cobra Clutch Bottom (ใส่คอบร้า ครัทช์ แล้วเอาหลังฟาด) ใช้สมัยอยู่ OVW
ท่า Revese Chinlock ท่า Submission
[แก้]เพลงเปิดตัว

"Voices" ขับร้องโดยวง Rev Theory (เพลงเปิดตัวของออร์ตันในปัจจุบัน)
"This Fire Burns" ขับร้องโดยวง Killswitch Engage (ออร์ตันใช้เพลงเปิดตัวเพลงนี้เพียงแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น ปัจจุบันได้กลายไปเป็นเพลงเปิดตัวของ ซีเอ็ม พังค์)
"Burn in My Light" ขับร้องโดยวง Mercy Drive (เป็นเพลงที่ออร์ตันใช้เปิดตัวเมื่ออกจากกลุ่ม เอฟโวลูชัน ซึ่งภายหลังออร์ตันได้ออกมาเผยว่าเกลียดเพลงนี้มากๆ และทนใช้เพลงเปิดตัวนี้มานานถึง 4 ปี)
"Line in the Sand" ขับร้องโดยวง Motörhead (เป็นเพลงที่ออร์ตันใช้เปิดตัวสมัยอยู่ในกลุ่ม เอฟโวลูชั่น และเป็นเพลงเปิดตัวเพลงที่ 2 ของกลุ่มด้วยเช่นกัน)
"Evolve" โดย Jim Johnston (เป็นเพลงเปิดตัวเพลงแรกของกลุ่ม เอฟโวลูชั่น)
"Blasting'" (เพลงเปิดตัวเพลงแรกของออร์ตันนับตั้งแต่ย่างก้าวเข้ามาใน WWE)


แรนดี ออร์ตัน สมัยที่คว้าแชมป์โลกที่อายุน้อยที่สุด ในศึก ซัมเมอร์สแลม ปี 2004 ด้วยอายุเพียง 24 ปี 4 เดือน 15 วัน
[แก้]แชมป์สมาคม WWE

World Wrestling Entertainment
WWE Championship (6 สมัย)
World Heavyweight Championship (1 สมัย)
WWE Intercontinental Championship (1 สมัย)
World Tag Team Championship (1 สมัย) – คู่กับ Edge
Royal Rumble (2009)
Seventeenth Triple Crown Champion
ขึ้นไปข้างบน Go down
Arm
The Legend
The Legend
Arm


จำนวนข้อความ : 245
Join date : 30/04/2011
Age : 28
ที่อยู่ : แฟลตทหารเรือ บางนา

ประวัติ Randy Orton Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: ประวัติ Randy Orton   ประวัติ Randy Orton Icon_minitimeTue May 31, 2011 7:22 pm

RKO!!~
ขึ้นไปข้างบน Go down
 
ประวัติ Randy Orton
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» ประวัติ คริสเตียน
» ประวัติ มาก เฮนรี่
» ประวัติ เรย์
» ประวัติ Sin cara
» ประวัติ เคน

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Begin Experience Wrestling Official :: BEW Cafe' :: Rest Room-
ไปที่: